การลุกฮือของชาวดรั๊กเวียนในปี ค.ศ. 862 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดทางสังคมและการเมืองในสมัยรัสเซียยุคก่อนคริสต์ศาสนา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของชาวดรั๊กเวียนซึ่งเป็นชนชั้นล่างต่อการปกครองที่กดขี่และเอารัดเอาเปรียบของชนชั้นสูง
สาเหตุของการลุกฮือ:
- การเสียภาษีหนัก: ชาวดรั๊กเวียนถูกบังคับให้จ่ายภาษีจำนวนมากแก่เจ้าผู้ปกครอง ซึ่งเป็นภาระที่หนักหน่วงสำหรับคนจน
- แรงงานบังคับ: ชาวดรั๊กเวียนถูกบังคับให้ทำงานฟรีสำหรับชนชั้นสูงในรูปของ “corvée” ซึ่งเป็นระบบที่เอาเปรียบและขาดความยุติธรรม
- การกีดกันทางสังคม: ชาวดรั๊กเวียนถูกมองว่าเป็นชนชั้นต่ำกว่าและไม่มีสิทธิเท่าเทียมกับชนชั้นสูง
การลุกฮือดำเนินไปอย่างไร?:
การลุกฮือเริ่มต้นขึ้นเมื่อชาวดรั๊กเวียนในนอฟกอร์โดฟ (Novgorod) ปฏิเสธที่จะจ่ายภาษี และต่อต้านการบังคับใช้แรงงาน
จากนั้น การลุกฮือก็แพร่กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ชาวดรั๊กเวียนทำลายบ้านเรือนของชนชั้นสูง สยุมได้กับทหารที่ถูกส่งมาปราบปราม และก่อตั้ง “สภาประชาชน” (veche) เพื่อปกครองตนเอง
ผลลัพธ์ของการลุกฮือ:
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การลุกฮือนำไปสู่การลดทอนอำนาจของชนชั้นสูง และการเพิ่มขึ้นของอำนาจของชาวดรั๊กเวียน
- การก่อตั้ง “สภาประชาชน”: สภาประชาชน (veche) กลายเป็นหน่วยงานปกครองที่สำคัญในหลายเมืองรัสเซีย โดยให้ชาวดรั๊กเวียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง
- แรงบันดาลใจ: การลุกฮือของชาวดรั๊กเวียนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มชนชั้นต่ำอื่นๆ ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระและความเท่าเทียม
ผลลัพธ์ | รายละเอียด |
---|---|
การลดทอนอำนาจของชนชั้นสูง | ชาวดรั๊กเวียนสามารถต่อรองให้มีการลดภาษีและการบังคับใช้แรงงาน |
การเพิ่มขึ้นของอำนาจของชาวดรั๊กเวียน | การก่อตั้ง “สภาประชาชน” ให้ชาวดรั๊กเวียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง |
แรงบันดาลใจ | การลุกฮือเป็นตัวอย่างให้กับกลุ่มคนอื่นๆ ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม |
การลุกฮือของชาวดรั๊กเวียนในปี ค.ศ. 862 เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซีย เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความสามารถของชนชั้นต่ำในการต่อต้านการกดขี่และปกครองตนเอง
แม้ว่าการลุกฮือจะไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรุนแรง แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่นำไปสู่การพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยในรัสเซีย